วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เมื่อลูกร้องไห้


...เรื่องการร้องไห้ตอนเช้า เป็นเรื่องปกติของเด็กๆ เมื่อเข้าเรียนแรกๆ ค่ะ หากบางคนถามว่าเข้าเรียนนานแล้วทำไมยังร้องไห้อยู่อีก เราอาจจะต้องการคำตอบเรื่องนี้อยู่ คุณพ่อคุณแม่อาจจะยังกังวลในหลากหลายเรื่องราว ก็ไม่เป็นไรค่ะค่อยๆ ปรับตัวไป เพียงแต่ให้ระมัดระวังเรื่องการส่งผ่านความรู้สึกความกังวล เด็กๆ ที่อยู่ใกล้ชิดกับเราอาจจะได้รับความรู้สึกนั้นไปด้วยค่ะ ซึ่งเด็กๆ เองก็ต้องการปรับตัวเช่นกัน หากพ่อแม่เองไม่มั่นใจ เด็กๆ ก็คงจะขาดความมั่นใจไปเช่นกันค่ะ ขอให้เราทำงานร่วมกันบนฐานของความเชื่อมั่นค่ะ เชื่อใจและไว้ใจค่ะ
...ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอม คุณพ่อคุณแม่บางคนกำลังกังวลเรื่องนี้อยู่ ในฐานะที่เป็นคุณครูก็ขอแนะนำคุณพ่อคุณแม่อย่างนี้ค่ะ 
...เวลาที่มาส่งลูกที่โรงเรียน ให้คุณพ่อคุณแม่บอกว่ารักลูกและบอกว่าตอนเย็นพ่อแม่จะมารับค่ะ เมื่อพูดแล้วก็ต้องรักษาคำพูดของตนเองให้ได้ พ่อมารับก็คือพ่อ แม่มารับก็คือแม่ ลุงมารับก็คือลุง ไม่ใช่บอกว่าแม่มารับแล้วให้ยายมาแทน แบบนี้ผิดคำพูดค่ะ ทำให้เด็กๆ รู้สึกถึงความไม่มั่นคง 
...การตั้งข้อแม้ต่างๆ ทำให้เด็กๆ กังวลเพิ่มขึ้นค่ะ เช่น ถ้าดื้อแม่ไม่มารับนะ ถ้าเป็นเด็กดีแม่จะให้.. หรืออะไรก็แล้วแต่ ให้บอกกับเขาตรงๆ เลยว่าอยู่กับคุณครูนะคะ เล่นกับเพื่อนๆ เดี๋ยวตอนเย็นแม่มารับ กอดและบอกรักเขา เด็กๆ ร้องไห้ก็ไม่เป็นอะไรค่ะ เป็นเพียงการแสดงความรู้สึก ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องถามว่าเป็นอะไร มีใครทำอะไร ที่โรงเรียนมีคุณครูคอยโอบกอดอยู่แล้ว พอวิถีมั่นคงแบบนี้ไปเรื่อยๆ เด็กๆ ก็จะปรับตัวได้เองค่ะ 
...และยังมีวิธีสร้างความเชื่อมั่นให้เด็กๆ อีกหลายแบบค่ะ เช่น การพกพาของรัก หรือสิ่งของที่เป็นตัวแทนพ่อแม่มาด้วย.. การเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ต่างๆ มีของใช้ครบถ้วน อันนี้เรียกว่าความสมบูรณ์แบบ เช่น ถามหารองเท้าแตะก็มีรองเท้าแตะใส่ ถามหานมก็มีนมดื่ม ถามหาน้ำก็มีขวดน้ำมา แบบนี้ก็ช่วยให้เด็กๆ มีความมั่นใจมากขึ้นเช่นกันค่ะ.. การเตรียมตัวรับสถานการณ์หรือเหตุสุดวิสัย เช่น การเล่นเลอะเทอะ การขับถ่าย เตรียมเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนมาให้เด็กๆ ให้พร้อมและเพียงพอ เขาก็จะรู้สึกว่าปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้นเช่นกันค่ะ..
และที่สำคัญมาเรียนให้ทันเวลา ส่งให้คุณครูก่อนที่จะถึงเวลาทำกิจกรรม เพื่อให้เวลากับการร้องไห้ปรับตัว พอเสร็จแล้วถึงเวลาทำกิจกรรมเด็กๆ และคุณครูและเพื่อนๆ ก็จะได้ทำกิจกรรมเรียนรู้ธรรมชาติไปด้วยกันได้อย่างมีความสุขค่ะ
...อ่านมาถึงตรงคุณพ่อคุณแม่อาจจะพบคำตอบบางอย่างที่ตั้งคำถามกับตัวเองไว้ มาเรียนนานแล้วทำไมลูกยังร้องไห้อยู่ ..แน่นอนค่ะ "วิถี" มั่นคงแล้วหรือยัง เช็คทั้งวิถีของบ้านและวิถีของโรงเรียน พูดคุยทำความเข้าใจกับคุณครูที่ดูแลเด็กๆ เมื่อแนวทางของเราเป็นไปในทางเดียวกัน เด็กๆ ก็จะเรียนรู้และปรับตัวได้ดีขึ้นค่ะ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น