วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เดินต่อแถว

   ความเป็นผู้เป็นคนไม่ได้มาจากทรัพย์สินเงินทอง หากแต่มาจากกิริยาท่าทาง ศรัทธาที่มาจากข้างในของชาวฉือจี้ ทำให้ชุมชนคนทำดีแห่งนี้ดูแข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ
      ชาวฉือจี้ถือเรื่องวินัยเป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างเช่นเรื่องนี้ เป็นตัวอย่างเล็กๆ ที่คนทั่วไปสามารถทำได้ไม่ยาก 
       ทุกครั้งที่มีการเดินไปไหนมาไหนเป็นหมู่คณะ ทุกคนก็จะเดินต่อแถวกันเป็น 2 แถวแบบที่เห็นในภาพ ผู้ชายเดินนำหน้าผู้หญิงเดินต่อหลัง แล้วก็ไม่ส่งเสียงคุยกันจ๊อกแจ๊ก ระหว่างทางเมื่อเดินผ่านผู้คนสวนไปมาก็จะทักทายโค้งคำนับพร้อมกับส่งยิ้มให้กันเสมอ ทุกครั้งที่เราก้าวเข้าไปในดินแดนแห่งใดของฉือจี้ก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นวัด โรงพยาบาล โรงเรียน สถานีวิทยุ ... ทุกคนก็จะต้องปฏิบัติตามวินัยที่คนในชุมชนนี้เขาทำกัน ถ้าอยู่ที่นี่สักพักเราก็จะซึมซับความมีวินัยเข้าไปเอง
       ที่เห็นในภาพนี้ แต่งตัวกันแบบนี้ เขาเรียกตัวเองว่า จิตอาสา ตอนที่เห็นนี้เขากำลังเดินต่อแถวไปขึ้นรถเพื่อจะไปช่วยดูแลคนไข้ที่โรงพยาบาล ไปพูดคุยให้กำลังใจคนป่วย .. อะไรประมาณนั้นค่ะ 
      วินัย...สร้างคนให้งดงาม หากเมื่อเรามีวินัยในตนเอง ไม่ต้องเอ่ยปากสอนใครใดๆ คนก็ศรัทธาได้ หรือหากเมื่อต้องสอนใคร ก็แน่นอนว่า คนอื่นก็จะเชื่อมั่น ศรัทธาได้ง่ายๆ เช่นกัน

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตะเกียบ

          ใครๆ ก็คงเคยใช้ตะเกียบคีบอาหาร คงไม่ได้คิดอะไรมากมาย พอได้มาฟังเรื่องเล่าของชาวฉือจี้ แล้วก็ต้องคิดใหม่อีกครั้งค่ะ ว่า พวกเราน่าจะคิดอะไรได้เยอะกว่านี้ ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี 
           เอาเป็นว่า ชาวฉือจี้เขาจะพยายามไม่ใช้อะไรที่ใช้ได้เพียงชั่วคราว ทุกอย่างจะมองไกลไปข้างหน้าเสมอ นึกถึงคนข้างหลัง ไม่เคยที่จะคิดแล้วทำอะไรที่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เวลาจะรับประทานอาหารก็จะเห็นชาวฉือจี้หยิบตะเกียบส่วนตัวออกมาจากกระเป๋าของตนเอง เขาพกไปไหนมาไหนด้วยเสมอทุกครั้ง (เหมือนกับแก้วน้ำส่วนตัว) ตะเกียบของคนทุกคนที่นี่เป็นตะเกียบแบบอลูมิเนียม ดูสะอาด ปลอดภัย ไม่มีเชื้อราฝัง และที่สำคัญมากๆ ไปกว่านั้น คือ ถ้าเราใช้ตะเกียบไม้ คนทำเขาตัดต้นไม้มาทำ ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ก็สิ้นเปลืองไม้ ต้นไม้ทุกต้นมีคุณค่าต่อเราต่อโลก ต้นไม้หรือพืชเป็นสิ่งเดียวที่ผลิตออกซิเจนให้ทุกคนใช้ในกระบวนการหายใจ ถ้าเราตัดต้นไม้ก็ไม่ต่างอะไรกับเราตัดลมหายใจของตนเอง บางครั้งเราก็พบว่าเราใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองเกินไป ต้นไม้ใช้เวลาสะสมพลังจากธรรมชาตินับสิบๆ ปีกว่าจะเติบโตขึ้นมาได้ เราตัดมาเหลาๆ ใช้คีบอาหารกินสิบนาทีก็โยนทิ้ง...

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กระบอกไม้ไผ่

          จุดเริ่มต้นของความเป็นฉือจี้ เริ่มมาจากกระบอกไม้ไผ่นี่แหละ ก็คือว่า ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียนท่านมีใจอยากจะช่วยเหลือคนที่ลำบาก ท่านก็เก็บออมเงินด้วยตนเอง แบ่งค่ากับข้าวใแต่ละวันหยอดลงในกระบอกไม้ไผ่ทุกวันทุกวัน จนสามารถนำเงินนั้นไปช่วยเหลือคนได้ เหล่าแม่ชีลูกศิษย์ของท่านเห็นก็ศรัทธาในความพยายามของท่านก็ทำเช่นกัน พวกแม่บ้านคนอื่นๆ ก็เกิดศรัทธาทุกคน เก็บออมเงินหยอดลงในกระบอกไม้ไผ่ทุกวัน พอได้เต็มก็เอามารวมกัน ส่งไปช่วยเหลือคนที่ลำบาก คนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ 
         เริ่มจากจุดเล็กๆ จนกลายมาเป็นศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ เป็นเพราะว่า ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียนท่านไม่มัวแต่เฝ้าถามว่าเป็นหน้าที่ของใคร ใครจะช่วย ทำไมคนที่มีหน้าที่เหล่านั้นไม่ทำอะไรเลย ... ป่วยการที่เราจะเฝ้าตามหา ท่านลงมือทำด้วยตนเองโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค 
         คนเราเพียงแค่ลงมือทำ ทุกอย่างก็จะสำเร็จได้ในไม่ช้า หากผิดพลาดไปก็เริ่มใหม่ ไม่มีคำว่าสาย ..อย่าได้เที่ยวหาคำอื่นใดมาเป็นอุปสรรคให้กับชีวิต ลดความเป็นตัวตนลง ทำทุกอย่างเสมือนว่าเป็นสิ่งที่ตนเองต้องทำ (จริงๆ แล้วกระบอกไม้ไผ่มันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นหรอกนะ ..)